เรื่องย่อ เริ่มต้นกล่าวถึงมนุษย์และเทวดาได้พยายามค้นหาคำตอบว่า อะไรคือมงคล เป็นเวลานานถึง ๑๒ ปี พระอานนท์ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ ณ เชตวันมหาวิหารซึ่งอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้สร้างถวายไว้ ณ เมืองสาวัตถี มีเทวดาองค์หนึ่งได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในเวลาปฐมยามแล้วได้ทูลถามเรื่องมงคล พระพุทธองค์จึงตรัสตอบถึงสิ่งที่ไม่เป็นมงคล ๓๘ ประการ หลังจากรับฟังเทศนาจบ เหล่าเทวดาก็บรรลุธรรม
มงคลทั้ง ๓๘ ประการ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นคาถาบาลีเพียง ๑๐ คาถา แต่ละคาถาประกอบด้วย ๓-๕ ข้อ และมีคาถมสรุปตอนท้าย ๑ บท ชี้ให้เห็นเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าปฏิบัติตามมงคลอันสูงสุด ๓๘ ประการนี้ได้ จะไม่พ่ายแพ้แก่ข้าศึกศัตรูและจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
มงคลทั้ง ๓๘ ประการ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นคาถาบาลีเพียง ๑๐ คาถา แต่ละคาถาประกอบด้วย ๓-๕ ข้อ และมีคาถมสรุปตอนท้าย ๑ บท ชี้ให้เห็นเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าปฏิบัติตามมงคลอันสูงสุด ๓๘ ประการนี้ได้ จะไม่พ่ายแพ้แก่ข้าศึกศัตรูและจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
ลักษณะคำประพันธ์
มงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นโยทรงนำคาถาบาลาที่เป็น “มงคลสูตร” ซึ่งมีอยู่ในพระไตรปิฏกมาแปล แล้วทรงเรียบเรียงแต่งเป็นบทประพันธ์ร้อยกรองที่มีสัมผัสคล้องจอง ท่องจำง่าย และสามารถพรรณนาความได้อย่างไพเราะจับใจ โดยทรงใช้คำประพันธ์ ๒ ประเภท คือ กาพย์ฉบัง ๑๖ และอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ (ดูแบบแผนการประพันธ์และฉันทลักษณ์ได้ในหน่วยการเรียนรู้ที่๑ เรื่องคำนมัสการคุณานุคุณ) โดยลงท้ายคำประพันธ์ทุกบทด้วยข้อความเดียวกันว่า “ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี”
ซึ่งมีที่มาจากคาถาภาษาบาลี ที่ว่า เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
มงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นโยทรงนำคาถาบาลาที่เป็น “มงคลสูตร” ซึ่งมีอยู่ในพระไตรปิฏกมาแปล แล้วทรงเรียบเรียงแต่งเป็นบทประพันธ์ร้อยกรองที่มีสัมผัสคล้องจอง ท่องจำง่าย และสามารถพรรณนาความได้อย่างไพเราะจับใจ โดยทรงใช้คำประพันธ์ ๒ ประเภท คือ กาพย์ฉบัง ๑๖ และอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ (ดูแบบแผนการประพันธ์และฉันทลักษณ์ได้ในหน่วยการเรียนรู้ที่๑ เรื่องคำนมัสการคุณานุคุณ) โดยลงท้ายคำประพันธ์ทุกบทด้วยข้อความเดียวกันว่า “ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี”
ซึ่งมีที่มาจากคาถาภาษาบาลี ที่ว่า เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๖ แห่งราชวงศ์จักรี ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปีที่ครองราชย์ (พ.ศ. ๒๔๕๓-๒๔๖๘) ทรงประกอบราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ ทรงพระปรีชาสามารถทั้งด้านการทหาร การปกครอง การต่างประเทศ โยเฉพาะด้านอักษรศาสตร์ พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์งานประพันธ์หลายอย่าง เช่น บทละคร บทความ นิทาน นิยาย สารคดี เป็นต้น และทรงใช้งานพระราชนิพนธ์เป็ฯสื่อสดงแนวพระราชดำริในเรื่องต่างๆ
บทพระราชนิพนธ์หลายเรื่องที่ยังได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของวรรณคดีหรือเป็นหนังสือที่แต่งดี อาทิ หัวใจนักรบ เป็นยอดของบทละครพูดร้อยแก้ว
มัทนะพาธา เป็นยอดของบทละครคำพูดฉันท์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รับการถวายพระราชสมญานามว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ซึ่งมีความหมายว่า นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ และในพ.ศ. ๒๕๑๕ พระองค์ทรงยังได้รับการประกาศยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้ทรงเป็น ๑ ใน ๕ นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย
บทพระราชนิพนธ์หลายเรื่องที่ยังได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของวรรณคดีหรือเป็นหนังสือที่แต่งดี อาทิ หัวใจนักรบ เป็นยอดของบทละครพูดร้อยแก้ว
มัทนะพาธา เป็นยอดของบทละครคำพูดฉันท์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รับการถวายพระราชสมญานามว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ซึ่งมีความหมายว่า นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ และในพ.ศ. ๒๕๑๕ พระองค์ทรงยังได้รับการประกาศยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้ทรงเป็น ๑ ใน ๕ นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย
บทวิเคราะห์
คุณค่าด้านเนื้อหามงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาเป็นคำสอนทางพระพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่องของ มงคล ๓๘ ประการ ซึ่งเป็นคำสอนที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ โดยเน้นที่ “การปฏิบัติด้วยตนเอง” ลำดับจากง่ายไปยาก ถ้าปฏิบัติได้แล้ว จะทำให้ชีวิตมีแต่ความก้าวหน้าและผาสุก โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยใดๆ เนื่องจากการปฏิบัติด้วยตนเองย่อมมอบความเป็นมงคลที่แท้จริงให้แก่ชีวิต ซึ่งจะนำพาชีวิตของแต่ละคนไปในทางที่เจริญแล้ว ยังทำให้สังคมโดยรวมสงบสุขและเจริญก้าวหน้าไปด้วย
นอกจากนี้คำสอนในมงคล ๓๘ ประการยังเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ด้วยมีความสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในทุกวัย โดยเริ่มต้นจากระดับพื้นฐานที่สำคัญ คือ การคบคน คำประพันธ์บทนี้กล่าวถึงมงคลประการที่ ๑ ถึง ๓ ซึ่งเป็นข้อแนะนำเกี่ยวกับการคบคนหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลรอบข้าง เริ่มตั้งแต่การหลีกเลี่ยงจากคนพาล การสมาคมกับคนดี และการมีสัมมาคารวะต่อบุคลที่เคารพ ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุกคน เนื่องจากการที่เราคบคนเช่นใด โอกาสที่จะทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้นหรือมีพฤติกรรมที่คล้ายกัน และนอกจากการรู้จักเลือกคบคนแล้ว การมีสัมมาคารวะหรือการรู้จักเคารพต่อบุคคลที่ควรบูชาเคารพ ย่อมทำให้เราเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป และยังได้รับความเมตตาหรือคำแนะนำที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอีกด้วย
นอกจากมงคลสูตรคำฉันท์จะมีการแปลและเรียบเรียงเนื้อความจากคาถาภาษาบาลีแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงอธิบายขยายความมงคลในแต่ละข้อเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจความหายได้อย่างชัดเจน เช่นในคาถาที่ ๗ กล่าวถึงมงคลข้อที่ ๒๒ คือ มีความเคารพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอธิบายให้ชัดเจนว่า ควรมีความเคารพผู้ใด และในมงคลข้อที่ ๒๔ มีความสันโดษ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
เนื้อความในมงคลสูตรคำฉันท์ แม้จะมีที่มาจากคาถาภาษาบาลีและมีคำศัพท์ในทางพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นคำที่เข้าใจความหายได้ไม่ยาก เช่น โสตถิ ภควันต์ เป็นต้น
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงสามารถถ่ายทอดและเรียบเรียงเนื้อความเป็นภาษาไทยได้อย่างเรียบง่าย แต่มีความไพเราะ และสามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน
คุณค่าด้านเนื้อหามงคลสูตรคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาเป็นคำสอนทางพระพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่องของ มงคล ๓๘ ประการ ซึ่งเป็นคำสอนที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ โดยเน้นที่ “การปฏิบัติด้วยตนเอง” ลำดับจากง่ายไปยาก ถ้าปฏิบัติได้แล้ว จะทำให้ชีวิตมีแต่ความก้าวหน้าและผาสุก โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยใดๆ เนื่องจากการปฏิบัติด้วยตนเองย่อมมอบความเป็นมงคลที่แท้จริงให้แก่ชีวิต ซึ่งจะนำพาชีวิตของแต่ละคนไปในทางที่เจริญแล้ว ยังทำให้สังคมโดยรวมสงบสุขและเจริญก้าวหน้าไปด้วย
นอกจากนี้คำสอนในมงคล ๓๘ ประการยังเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ด้วยมีความสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในทุกวัย โดยเริ่มต้นจากระดับพื้นฐานที่สำคัญ คือ การคบคน คำประพันธ์บทนี้กล่าวถึงมงคลประการที่ ๑ ถึง ๓ ซึ่งเป็นข้อแนะนำเกี่ยวกับการคบคนหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลรอบข้าง เริ่มตั้งแต่การหลีกเลี่ยงจากคนพาล การสมาคมกับคนดี และการมีสัมมาคารวะต่อบุคลที่เคารพ ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุกคน เนื่องจากการที่เราคบคนเช่นใด โอกาสที่จะทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้นหรือมีพฤติกรรมที่คล้ายกัน และนอกจากการรู้จักเลือกคบคนแล้ว การมีสัมมาคารวะหรือการรู้จักเคารพต่อบุคคลที่ควรบูชาเคารพ ย่อมทำให้เราเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป และยังได้รับความเมตตาหรือคำแนะนำที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตอีกด้วย
นอกจากมงคลสูตรคำฉันท์จะมีการแปลและเรียบเรียงเนื้อความจากคาถาภาษาบาลีแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงอธิบายขยายความมงคลในแต่ละข้อเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจความหายได้อย่างชัดเจน เช่นในคาถาที่ ๗ กล่าวถึงมงคลข้อที่ ๒๒ คือ มีความเคารพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอธิบายให้ชัดเจนว่า ควรมีความเคารพผู้ใด และในมงคลข้อที่ ๒๔ มีความสันโดษ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
เนื้อความในมงคลสูตรคำฉันท์ แม้จะมีที่มาจากคาถาภาษาบาลีและมีคำศัพท์ในทางพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นคำที่เข้าใจความหายได้ไม่ยาก เช่น โสตถิ ภควันต์ เป็นต้น
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงสามารถถ่ายทอดและเรียบเรียงเนื้อความเป็นภาษาไทยได้อย่างเรียบง่าย แต่มีความไพเราะ และสามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน